กิ้งก่าได้ทอง

สำนวน กิ้งก่าได้ทอง
ความหมาย เย่อหยิ่งเพราะได้ดี หรือมีทรัพย์ขึ้นเล็กน้อย อวดดี ทำผยองจนลืมฐานะของตน หรือได้ดีแล้วaลืมตัว
ที่มาของสำนวนกิ้งก่าได้ทอง มี 2 ที่มา ได้แก่ 1. มาจาก มโหสถชาดก มีเรื่องว่า กิ้งก่าตัวหนึ่งอาศัยอยู่บนซุ้มประตูพระราชอุทยานของท้าววิเทหะ เวลาพระเจ้าวิเทหะเสด็จประพาสอุทยาน กิ้งก่านั้นมาถวายคำนับมิได้ขาด พระเจ้าวิเทหะจึงพระราชทานทองให้เป็นค่าซื้อเนื้อให้กิ้งก่ากินทุกวัน วันหนึ่งนายอุทยานซื้อเนื้อไม่ได้ ก็เอาทองนั้นผูกคอกิ้งก่าไว้ วันนั้นพระเจ้าวิเทหะเสด็จประพาสอุทยานอย่างเคย กิ้งก่าถือว่ามีทองผูกคอเลยกำเริบขึ้นไปชะเง้ออยู่บนซุ้มประตูไม่ลงมาคำนับพระเจ้าวิเทหะอย่าที่เคยทำมาแต่ก่อน พระเจ้าวิเทหะประหลาดพระทัยตรัสถามมโหสถและนายอุทยาน เมื่อทรงทราบเรื่องก็ตรัสว่า ที่กิ้งก่ากำเริบเย่อหยิ่งขึ้นก็เพราะถือว่าตัวมีทองผูกคอเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง เลยให้เอาทองออกเสียและไม่พระราชทานให้อีกต่อไป  2. มาจาก การเอาพฤติกรรมของกิ้งก่ามาเปรียบ คือ ปกติวิสัยของกิ้งก่าจะชูคอ จึงเปรียบกับคนที่เย่อหยิ่งเพราะได้ดี หรือมีทรัพย์เพียงเล็กน้อย
ตัวอย่างการใช้ เพื่อเตือนด้วยความหวังดี อย่าทำตัวเป็นกิ้งก่าได้ทองลาภยศตำแหน่งนี้ไม่ใช่ของเธอ ตอนนี้เธออยู่ในฐานะผู้รักษาการแทน สักวันเจ้าของตำแหน่งตัวจริงเขาก็จะมา


เขียนเสือให้วัวกลัว



สำนวน เขียนเสือให้วัวกลัว
ความหมาย ทำอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งเสียขวัญหรือเกรงขาม มักนำไปใช้เมื่อต้องการจะสื่อให้เห็นว่าต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อให้อีกฝ่ายเกรงกลัว หรือเกรงใจ ไม่ทำอะไรที่มาสมควรลงไป
ที่มาของสำนวนเขียนเสือให้วัวกลัว มาจาก มาจากกฎหมายลักษณะโจรในสมัยพระเจ้าอู่ทอง มาตราหนึ่งมีความว่า “โคกระบือท่านผูกท่านล้อมไว้ก็ดี แลมีผู้ร้ายไปแก้ลักเชือกตะพายก็ดีและโคกระบือนั้นปล่อยขาดไป โจรลักเอาไปก็ดี เสือกินก็ดี” อีกมาตราหนึ่งว่า “ช้างม้าวัควายเรือลุ่ยหลุดหายแห่งใดๆก็ดี วัวนอนค้างช้างนอนแรมของมิได้เอาเข้าคอกผูกถือไว้ วัวหายให้ไว้แก่เสือ เรือหายให้ไว้แก่น้ำ” ทั้งสองแห่งแสดงว่าวัวต้องตกเป็นเหยื่อเสือมาแต่ไหนแต่ไร วัวจะกลัวเสือ ดั้งนั้นการขู่ใครให้กลัวเราจึงเอาธรรมชาติของเสือกันวัวที่กลัวกันมาเปรียบ
ตัวอย่างการใช้ ครูครับการลงโทษหน้าเสาธงสำหรับนักเรียนที่ทำผิดระเบียบ นับว่าเป็นการเขียนเสือให้วัวกลัวได้เป็นอย่างดีครับ



ชุบมือเปิบ

สำนวน ชุบมือเปิบ
ความหมาย ฉวยประโยชน์จากคนอื่นโดยมิได้ลงทุนลงแรง ฉวยโอกาสนำงานที่ผู้อื่นทำสำเร็จแล้วมาเป็นประโยชน์แก่ตน
ที่มาของสำนวนชุบมือเปิบ มาจาก การกินข้าว สมัยก่อนเรากินข้าวด้วยมือเวลาเราจะกินเราเอามือลงชุบน้ำให้เปียกเสียก่อนเป็นการล้างมือ และเม็ดข้าวสุกจะได้ไม่ติดมือแล้วจึงเปิบข้าว คำว่าเปิบ แปลว่า เอาข้าวเข้าปาก ตอนทำครัวหรือทำอาหารตามปกติต้องช่วยกันทำ ใครไม่ช่วยทำแต่พอถึงเวลากินก็เข้ามากิน คือเวลาทำไม่ทำ เวลากินกิน เป็นการเอาเปรียบเรียกว่า “ชุบมือเปิบ” คำว่า “ชุบมือเปิบ” เลยกลายมาเป็นสำนวน
ตัวอย่างการใช้ เมื่อครูมอบหมายให้ทำงานกลุ่ม แต่เธอไม่ช่วยเพื่อทำ พอถึงเวลาส่งเธอกลับชุบมือเปิบว่าทำงานด้วยกัน


ดูตาม้าตาเรือ


สำนวน ดูตาม้าตาเรือ
ความหมาย พิจารณาให้รอบครอบ พิจารณาให้ถี่ถ้วนว่าถูกต้อง ระมัดระวัง พินิจพิเคราะห์ไม่ซุ่มซ่าม
ที่มาของสำนวนดูตาม้าตาเรือ มาจาก หมากรุก ซึ่งมีตัวหมากเรียกว่า ”ม้า” และ “เรือ” ม้าเดินตาเฉียงทแยง ซึ่งทำให้สังเกตยาก ส่วนเรือเดินตายามไปได้สุดกระดาน เวลาเดินหมากอาจเผลอไม่ทันสังเกตตาที่ม้าอีกฝ่ายหนึ่งเดิน หรือไม่ทันเห็นเรืออีกฝ่ายหนึ่งที่อยู่ไกล เดินหมากไปถูกตาที่ม้าหรือเรือฝ่ายตรงข้างสกัดอยู่ ก็ต้องเสียตัวหมากของตนไป การเดินหมากจึงต้องดูตาม้าตาเรือของฝ่ายตรงข้าม
ตัวอย่างการใช้ เดินให้ดูตาม้าตาเรือเสียบ้าง เหยียบข้าวของเสียหายหมดแล้ว



ตำข้าวสารกรอกหม้อ

สำนวน ตำข้าวสารกรอกหม้อ
ความหมาย การทำงานแบบพอกินพอใช้ ทำให้เสร็จไปครั้งหนึ่งๆ ทำให้พ้นๆไปแต่ละวัน โดยไม่คิดถึงวันข้างหน้า
ที่มาของสำนวนตำข้าวสารกรอกหม้อ มาจาก สมัยโบราณเขาตำข้าวเปลือกเพื่อเป็นข้าวสาร หุงกินเป็นวันไป ทุกวันมีปรากฏอยู่ในประกาศสมันรัชกาลที่ ๔ แห่งหนึ่งว่า "แต่ก่อนมีโรงสีข้าวสารขายยังน้อยอยู่ ตามบ้านเรือนต่างๆ จนในพระบรมหาราชวังและพระบวรราชวังก็มีกระเดื่องและครกตำข้าวแทบทุกเหย้าเรือน กลางวันฤาบ่ายแล้ว นายก็ใช้บ่าวตำครกละสากบ้าง แล้วก็ฝัดเป็นข้าวสารกรอกหม้อทีเดียว"
ตัวอย่างการใช้ แม่ค้าร้านนี้เปิดร้ายขายอาหารเหมือน ตำข้าวสารกรอกหม้อจริงๆ บางวันก็เปิด บางวันก็ปิด วันไหนฉันอยากจะกิน ไม่เคยจะได้กินเลย



ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ


สำนวน ตำน้ำพริกลพลายแม่น้ำ
ความหมาย ทำอะไรต้องเสียทรัพย์แล้วไม่ได้ประโยชน์คุ้มกับที่เสียไป หรือใช้จ่ายทรัพย์ในทางที่ไม่เกิดประโยชน์ เสียทรัพย์โดยไม่ได้ประโยชน์อะไร
ที่มาของสำนวนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ มาจาก การตำน้ำพริกเพื่อปรุงแกงซึ่งสัดส่วนน้ำพริกต้องพอเหมาะกับน้ำแกงจึงจะได้รสชาติเผ็ดพอดี แต่ถ้านำน้ำพริกไปละลายแม่น้ำที่กว้างใหญ่ก็ไม่สามารถทำให้น้ำในแม่น้ำเผ็ดได้ จึงนำมาเปรียบกับการทำอะไรที่ไม่คุ้มหรือไม่เกิดประโยชน์อันใด
ตัวอย่างการใช้ การจัดงานสมรสที่ทำกันอย่างใหญ่โตในหมู่คนไทยทั่วไป ถือเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ไม่ได้ประโยชน์อะไรนอกจากทำเพื่อเอาหน้า



ทำนาบนหลังคน

สำนวน ทำนาบนหลังคน
ความหมาย หาผลประโยชน์ใส่ตนโดยการขูดรีดผู้อื่น คนที่เห็นแก่ได้ หาผลประโยชน์ใส่ตนเองโดยใช้วิธีการเบียดเบียน ขูดรีดเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น
ที่มาของสำนวนทำนาบนหลังคน มาจาก สมัยโบราณเราทำนาเป็นอาชีพสำคัญ การทำนานนั้นธรรมดาต้องทำบนพื้นดิน ได้ผลประโยชน์จากการเก็บเกี่ยวเป็นการหาผลประโยชน์จากพื้นที่ดินนั้น ใครมีอาชีพหาประโยชน์โดยอาศัยเบียดเบียนเอาผลประโยชน์จากผู้อื่น จึงเอาการทำนามาเปรียบเท่ากับว่า คนที่ไม่ได้หากินบนพื้นที่นาเหมือนที่คนทั้งหลายทำกันแต่เป็นกรหากินบนหลังคนอื่น
ตัวอย่างการใช้ เมื่อไหร่พวกทำนาบนหลังคนจะหมดไป น่าจะเห็นใจคนที่หาเช้ากินค่ำต้องอยู่ในวังวนหนี้นอกระบบ หาเงินมาได้แต่ละวันก็ต้องเอาไปใช้หนี้ เมื่อไหร่จะได้ลืมตาอ้าปาก



ทุบหม้อข้าว




สำนวน ทุบหม้อข้าว
ความหมาย ทำลายอาชีพหรือทำให้ผลประโยชน์ที่เป็นเครื่องลี้ยงชีพอยู่เป็นประจำต้องเสียไป ตัดอาชีพ ทำลายหนทางทำมาหากิน
ที่มาของสำนวนทุบหม้อข้าว มาจาก การเอาหม้อข้าวมาเปรียบ คือเวลาเอาข้าวใส่หม้อหุงสุดดีแล้ว ข้าวสุกก็ยังอยู่ในหม้อ ถ้าไม่คดข้าวสุกออกจากหม้อที่หุงมาใส่ภาชนะอื่น หม้อนั้นก็เป็นภาชนะใส่ข้าวสุกไปในตัวอีกชั้นหนึ่ง เวลาจะกินก็ตักข้าวออกจากหม้อทีเดียว เมื่อทุบหม้อข้าวแตก ข้าวสุกจะกระจายหกเลอะเทอะหมดจึงอดกินข้าว
ตัวอย่างการใช้ เธอไปทะเลาะกับเขาซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่เท่ากับว่าเธอทุบหม้อข้าวตัวเอง



น้ำกลิ้งบนใบบอน

สำนวน น้ำกลิ้งบนในบอน
ความหมาย การเปรียบคนที่กลับกลอกและปลิ้นปล้อนเหมือนหยดน้ำที่กลิ้งอยู่บนใบบัวซึ่งจะกลิ้งไปกลิ้งมา
ที่มาของสำนวนน้ำกลิ้งบนใบบอน มาจาก การเอาหยดน้ำที่อยู่บนใบบอนมาเปรียบ คือ ใบบอนตามธรรมชาติมีลักษณะเลี่ยนลื่นไม่ซับน้ำ น้ำที่อยู่บนใบบอนคุมตัวกันเป็นก้อนกลมมักจะกลิ้งไปมาได้ดี คำว่า "ใจ" ของเรามักจะมีคำว่า "น้ำ" อยู่ด้วย เช่น น้ำใจ น้ำใสใจจริง ฯลฯ น้ำใจที่ไม่แน่นอน กลอกกลิ้งไปมา      จึงพูดกันเป็นสำนวนว่า น้ำกลิ้งบนใบบอน
ตัวอย่างการใช้ เธออย่ามัวไปเสียใจให้กับคนแบบนั้นเลย คนประเภททำตัวเป็นน้ำกลิ้งบนใบบอน ไม่สมควรที่จะได้รับความรักจากใคร




น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา



สำนวน น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา
ความหมาย การมีโอกาสหรือมีจังหวะดีในการที่จะทำอะไรได้เปรียบกว่าอีกฝ่าย
ที่มาของสำนวนน้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา มาจาก การเปรียบเทียบเวลาน้ำขึ้นปลาก็ว่ายน้ำร่าเริง     ฮุบกินมดได้ แต่พอน้ำลดแห้งลงปลาขาดน้ำก็ตายมดก็กลับมาตอมกินปลา
ตัวอย่างการใช้ หลังจากเขาได้รับเลือกเป็นหัวหน้าในการดูแลงานนี้ ก็เอาแต่กดขี่ข่มเหงคนอื่น ใช้อำนาจในทางที่ผิด ระวังเถอะน้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา ซักวันจะโดนตรวจสอบ



น้ำขึ้นให้รีบตัก



สำนวน น้ำขึ้นให้รีบตัก
ความหมาย มีโอกาสดีควรรีบทำ กำลังชะตาขึ้นต้องการจะทำอะไรหรือทำอะไรให้เป็นประโยชน์แก่ตนก็รีบทำเสีย
ที่มาของสำนวนน้ำขึ้นให้รีบตัก มาจาก การเอาน้ำในแม่น้ำลำคลองมาเปรียบ เวลาน้ำขึ้นก็ให้รีบตักใส่ตุ่มไว้ ถ้าเพิกเฉยน้ำแห้งลงไปก็ตักไม่ได้ เพราะสมัยก่อนเราใช้น้ำในลำคลองเพื่ออุปโภคบริโภค เมื่อถึงเวลาน้ำขึ้น น้ำในลำคลองจะใสสะอาดและตักได้ง่าย แต่เวลาน้ำลงน้ำจะแห้งขอดและขุ่นเพราะโคลนตมที่อยู่ก้นน้ำเราจึงต้องตักไว้ใช้เพื่อน้ำกำลังขึ้น
ตัวอย่างการใช้ ตอนนี้ข้าวกำลังราคาดี รีบขายให้หมดยุ้งเถอะ อย่ามัวกักตุนไว้เลยโอกาสมาถึงแล้วน้ำขึ้นให้รีบตักเดี๋ยวจะพลาดโอกาสไป


น้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือ



สำนวน น้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือ
ความหมาย  อย่าทำอะไรขัดขวาง ขัดอารมณ์ผู้มีอำนาจ หรือขัดขวางในสิ่งที่กำลังมีความรุนแรง ซึ่งอาจจะทำให้ได้รับอันตรายได้
ที่มาของสำนวนน้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือ มาจาก การเอากระแสน้ำที่กำลังไหลเชี่ยวมาเปรียบ  คือเมื่อน้ำกำลังไหลเชี่ยวถ้านำเรือพายหรือแจวออกไปขวาง เรืออาจจะล่มเอาได้
ตัวอย่างการใช้ ตอนนี้เขากำลังโกรธ สถานการณ์ต่างๆก็ดูรุนแรง น้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือดีกว่านะ ปล่อยเขาไปก่อนรอให้สถานการณ์สงบก่อนค่อยว่ากันใหม่


ปลาหมอตายเพราะปาก



สำนวน ปลาหมอตายเพราะปาก
ความหมาย คนที่พูดพล่อยจนได้รับอันตราย หรือคนที่พูดจาไม่ระวังจนนำอันตรายหรือความลำบากมาให้ตนเอง มักใช้อธิบายคนที่ปากไวชอบพูดพล่อยๆ พูดจาไม่ระวังปาก จนเผลอพูดคำที่ไม่เหมาะสมออกมา
ที่มาของสำนวนปลาหมอตายเพราะปาก มาจาก ปลาหมอเวลาอยู่ใต้น้ำจะพ่นน้ำขึ้นมาเป็นปุดๆ ที่ผิวน้ำคนตกเบ็ดเห็นผิวน้ำเป็นปุด ก็รู้ว่าที่ตรงนั้นมีปลาหมอจำเอาเหยื่อล่อตกเบ็ดขึ้นมาได้ง่าย
ตัวอย่างการใช้ พนักงานคนนั้นถูกพักงานเพราะไปนินทาลูกค้าให้เพื่อนร่วมงานฟัง แต่ลูกค้าบังเอิญมาได้ยินเข้า เรื่องจึงไปถึงหูผู้จัดการ ปลาหมอตายเพราะปากจริงๆ



ปิดทองหลังพระ


สำนวน ปิดทองหลังพระ
ความหมาย ทำความดีแต่ไม่ได้รับการยกย่อง
ที่มาของสำนวนปิดทองหลังพระ มาจาก การปิดทองคำเปลวที่พระพุทธรูป คือ พระพุทธรูปที่ทำสำเร็จแล้ว ถึงเวลาจะปิดทองคำเปลวย่อยจะจัดงานใหญ่โตให้ประชาชนมาร่วมปิดทอง คนส่วนมากถือกันว่า ปิดทองที่องค์พระด้านหน้าสำคัญกว่าองค์พระด้านหลัง เพราะคนทั่วไปย่อมมอง หรือเห็นองค์พระด้านหน้าเพียงด้านเดียว ไม่เห็นองค์ด้านหลังเนื่องจากองค์พระตั้งติดฝาผนัง เมื่อจะปิดทองจึงมุ่งจะปิดด้านหน้าอย่างเดี่ยว คล้ายกับว่าปิดทองด้านหน้าแล้วได้บุญแรง ยิ่งปิดที่พระพักตร์ได้ยิ่งดี ความจริงพระพุทธรูปนั้นต้องปิดทั้งองค์จะปิดด้านไหนที่ไหนก็ได้บุญเท่ากัน แต่คนก็นิยมปิดด้านหน้า ใครปิดด้านหลังแม้จะเป็นการกระทำอย่างเดียวกันก็ถือว่าไม่ดี ไม่มีหน้ามีตาเหมือนปิดข้างหน้า
ตัวอย่างการใช้ นี่คุณการทำความดีนั้นไม่จำเป็นต้องไปประกาศให้ใครรู้หรอก เหมือนเราปิดทองหลังพระ คนไม่เห็นแต่เราเห็น



มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ



สำนวน มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ
ความหมาย การที่บุคคลหนึ่งไม่ยอมช่วยงานส่วนรวม แต่ยังทำตัวเกะกะทำให้งานมีความลำบากมากขึ้นไปอีก
ที่มาของสำนวนมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ  มาจาก สมัยก่อนเมืองไทยมีแม่น้ำลำคลองมาก สมัยโบราณเรือเป็นยานพาหนะสำคัญในการเดินทาง เมื่อมีผู้ลงเรือลำเดียวกันกับคนอื่นแล้วไม่ยอมช่วยพายเรือแต่ยังเอาขาจุ่มลงไปในน้ำยิ่งจะทำให้คนที่พายต้องลำบากหรือใช้แรงในการพายมากขึ้น
ตัวอย่างการใช้ เธอไม่ช่วยงานเพื่อนและยังทำตัวมือไม่พายเอาเท้าราน้ำอีกแบบนี้ไม่ดีเลยนะ




ยกเมฆ

สำนวน ยกเมฆ
ความหมาย การคาดเอา การนึกเอาเองว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เอาเรื่องบางเรื่องหรือเหตุการณ์ที่ไม่มีมูล  ความจริงมาเป็นข้ออ้าง
ที่มาของสำนวนยกเมฆ มาจาก ไสยศาสตร์การดูเมฆในท้องฟ้าเป็นนิมิตรดีร้าย เช่น ในตำราพิชัยสงครามว่า "เห็นเมฆเกลื่อนมาเป็นหมู่ เป็นรูปเมรูอย่ายกฤกษ์นั้นมรณา" ในเสภาขุนช้างขุนแผนว่า "กอดอกยกเมฆ       ดูนิมิต ก็วิปริตเป็นรูปคนหัวหาย จะยกต่อคอแขนไม่ติดกาย เถรสำคัญนั้นหมายไม่คืนมา" ยกเมฆ เป็นการ   ดูเมฆที่ลอยเกลื่อนกล่นในท้องฟ้า มีรูปร่างลักษณะเป็นอย่างไร
ตัวอย่างการใช้ อย่าไปยึดติดกับคำทำนายของหมอดูมากนักเลย หมอดูส่วนใหญ่ก็ยกเมฆ เดาเอาทั้งนั้น       จะเป็นจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ อนาคตเธอจะดีหรือไม่ก็อยู่ที่ตัวเอง



รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง


สำนวน รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง
ความหมาย ทําไม่ดีหรือทําผิดแล้วไม่รับผิด กลับ โทษผู้อื่น รําชั่วโทษพากย์
ที่มาของสำนวนรำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง มาจาก การฟ้อนรำทำท่าที่มีการบรรเลงปี่พาทย์ประกอบ ปี่พาทย์เป็นหลักของการรำ ลีลาท่ารำต้องเข้ากับกระบวนเพลงปี่พาทย์ ผู้รำชำนาญก็รำเข้ากับปี่พาทย์ได้งาม ถ้ารำ  ไม่ชำนาญก็ผิดจังหวะ
ตัวอย่างการใช้ นายขับรถไม่ดีเอง ขับไปชนรถคนอื่นเขาจะวาโทษว่าเขาจอดรถล้ำเส้นไม่ได้นะ อย่างนี้มันเข้าทำนองรำไมดีโทษปี่โทษกลองนี่



สอนหนังสือสังฆราช


สำนวน สอนหนังสือสังฆราช
ความหมาย สอนสิ่งที่เขารู้ดีอยู่แล้ว
ที่มาจองสำนวนสอนหนังสือสังฆราช มาจาก เรื่องศรีธนญชัย ว่าศรีธนญชัยเดินไปที่กุฏิสังฆราช เห็นคัมภีร์ตกอยู่ที่พื้นดินก็บอกให้พระสังฆราชทราบ พระเจ้าแผ่นดินสงสัยว่าศรีธนญชัยมีความรู้แค่ไหนจึงไปบอกหนังสือสมเด็จพระสังฆราช คำว่า "บอก" โบราณหมายความว่า "สอน" จึงรับสั่งถามสมเด็จพระสังฆราช ท่านถวายพระพรว่า หนังสือคัมภีร์ของท่านตกอยู่ใต้กุฏิศรีธนญชัยบอกให้เก็บ จึงเกินสำนวน "สอนหนังสือสังฆราช"
ตัวอย่างการใช้ เขาคงจำไม่ได้ว่าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ ถึงได้มาทำเป็นสอนหนังสือสังฆราช แนะนำกับเป็นจริงเป็นจังเลยทีเดียว



เห็นกงจักรเป็นดอกบัว


สำนวน เห็นกงจักรเป็นดอกบัว
ความหมาย เห็นสิ่งที่ดีเป็นสิ่งที่ไม่ดี เห็นผิดเป็นชอบ เห็นทางที่ผิดว่าเป็นถูก
ที่มาของสำนวนเห็นกงจักรเป็นดอกบัว มาจาก เอกนิบาตชาดก เรื่องมิตวินทุชาดก พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นเทวดาไปเที่ยวเมืองนรก ในนรกมีมิตตวินทุซึ่งทำร้ายมารดาตายไปตกนรก ทนทุกข์เวทนามีกงจักรครอบอยู่บนหัว จักรพัดผ่าหัวเลือดไหลโซมอนู่เป็นนิจ พระโพธิสัตว์เห็นกงจักรบนหัวมิตวินทุ  เป็นดอกบัวสวยงามอยากได้ ก็ขอเอากงจักรนั้นครอบหัวตน พอดีมิตวินทุสิ้นกรรม จากชาดกนี้จึงเกิดเป็นสำนวนขึ้น
ตัวอย่างการใช้ การเสพ การขายยาบ้า เป็นเรื่องไม่ดี ลูกอย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัวเชียวนะลูก



เอาปลาย่างไว้กับแมว


สำนวน เอาปลาย่างไว้กับแมว
ความหมาย ฝากสิ่งใดสิ่งหนึ่งไว้กับคนที่ชอบสิ่งนั้น ย่อมสูญหายได้ง่ายไว้วางใจคนที่ไม่ควรไว้วางใจ
ที่มาของสำนวนเอาปลาย่างไว้กับแมว มาจาก การเอาแมวมาเปรียบ ซึ่งปกติวิสัยแมวชอบกินปลาย่าง เมื่อเอาปลาย่างไปฝากไว้ แมวก็กินหมด ใครที่มีนิสัยชอบหรือต้องการอะไร เอาสิ่งนั้นไปฝากไว้ ก็เป็นช่องทางที่จะเสียสิ่งนั้นไป จึงพูดเป็นสำนวนว่า "เอาปลาย่างไว้กับแมว"
ตัวอย่างการใช้ เธอให้ลูกสาวไปทำงานกับอีตาคนนั้น เหมือนฝากปลาย่างไว้กับแมวเลยนะ มันหื่นมาก



อ้างอิง
กรองแก้ว   ฉายสภาวธรรม. (ม.ป.ป.). สารานุกรม ภาษิต คำพังเพย และ สำนวนไทย. กรุงงเทพฯ :
       ต้นธรรมสำนักพิมพ์
วรารัชต์   มหามนตรี. (2557). โลกทัศน์ของคนไทยจากภาษิต. พิษณุโลก : ดาวเงินการพิมพ์

จัดทำโดย
นางสาวนิภาพร   จันทร์พวง
นางสาวดวงนภา  จันทร์พวง
สาขาวิชาภาษาไทย คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี


ความคิดเห็น